4 จังหวะ All in ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ถ้ามีใครสักคนมาถามว่า “จังหวะไหนที่ควร All in?” คุณจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไรกันบ้าง บางคนอาจจะตอบว่าก็ตอนที่ Stake มันเหลือน้อยจนไม่พอให้เล่นต่อ บางคนอาจบอกว่าก็ตอนที่คิดว่าจะชนะไง เมื่อ Pot ใหญ่ ก็จะได้เยอะ ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไรที่จะคิดแบบนั้น แต่ว่าจริง ๆ แล้วการ ออลอิน ยังมีอีกหลายสถานการณ์ที่เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้
อย่างแรกต้องตอบให้ได้ก่อนว่าไพ่ในมือเป็นแบบไหน แล้วอีกฝ่ายเป็น Tight หรือ Loose ตำแหน่งที่เล่นอยู่ตรงไหน มีใครคอยเก็บเกี่ยวอยู่ข้างหลังหรือไม่ และเกมที่เล่นอยู่เป็น Case Game หรือว่า Tournament เห็นไหมว่ามันมีหลายปัจจัยมากที่ส่งผลต่อการ ออลอิน ของเรา
คนส่วนใหญ่มักจะสงสัยว่าเราสามารถ ออลอิน ช่วง Pre-Flop ได้หรือไม่ เพราะไม่ค่อยเห็นมีใครทำกัน จริง ๆ ก็คือทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าไพ่ต้องแข็งแกร่งมาก ๆ ด้วย เช่น AA, KK, QQ, AK หรือมี Stake ที่ใหญ่ใน Case Game แต่ถ้าเป็น Tournament ก็ควรจะมี Range ที่กว้างขึ้นเช่น KQ, KJ หรือคู่กลางอย่าง 99, 88, 77, 66 เป็นต้น
เมื่อคุณเข้าไปเล่นโป๊กเกอร์ โดยเฉพาะมือใหม่ คุณจะต้องตั้งสติให้ดี คิดทบทวนให้ถ้วนถี่และรอบคอบที่สุด และ หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันถูกบีบให้ต้องเล่น Call เพื่อที่จะตามไปดูไพ่ อันนี้เราขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ เพราะคุณต้องศึกษาให้ดีก่อน Call เรื่องที่ต้องเข้าใจก่อนจะกลายเป็น Bad Call วิธีการก็มีลองเข้าไปอ่านดูกันนะ
อย่างไรก็ตามมันยังมีอีก 4 จังหวะที่เราสามารถ ออลอิน ได้นั่นก็คือ
1. เมื่อถือไพ่ AA, AK, KK, QQ, JJ หรือ AQ
โดยเฉพาะการเล่น Cash Game เราสามารถ All in Pre-Flop ได้ด้วยไพ่เหล่านี้ เพียงแต่ JJ กับ AQ จะใช้ได้ในบางครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประเภทของผู้เล่นด้วยว่าเราสามารถปรับให้กว้างหรือแคบ ก็ต้องมาดูวิธีการเล่นของเราด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังเข้า Final Table ใน Tournament ด้วย Short Stack 20BB การนั่งเฉย ๆ แล้วรอไพ่ด้านบนท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะ Blind จะขยับเรื่อย ๆ ส่งผลให้แรงกดดันต่อการตัดสินใจของเราเพิ่มขึ้น หากเป็นแบนี้แล้วอาจต้องเพิ่มไพ่จำพวก TT, 99, 88, 77, 66, AJ, AT หรือ KQ เข้าไปก่อน
แต่ก็ต้องดู Stack ที่เหลือ ประเภทผู้เล่นบนโต๊ะ และตำแหน่งของเราด้วย เพราะแนวคิดการ All in Pre-Flop คือการเข้าถึงการเลือกไพ่ในสถานการณ์ที่เรามีโอกาสชนะ เนื่องจากเราต้องทุ่มชิพทั้งหมดที่มีนั่นเอง
2. เมื่อ Stack Size เอื้อต่อการ All in
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เรามีโอกาส All in Preflop นั่นก็คือ Stack Size ซึ่งค่อนข้างสำคัญในการเล่นแบบ Tournament ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า Stack ของ Cash Game ปกติจะ Buy in มากสุดจะอยู่ที่ 100BB เลยทำให้ค่อนข้างจะ Deep
ทว่าช่วงท้ายของ Tournament ก่อนที่จะ ออลอิน เราต้องดูให้ดีว่าจะทำให้ Stack เหลือประมาณ 10BB ได้หรือไม่ รวมถึงต้องเข้าใจด้วยว่าคู่แข่งพร้อมจะ All in Preflop เหมือนกันหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็ต้องขยาย Range ออกไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ทุกคนหมอบไปหมดในขณะที่เราอยู่ Button ซึ่งเหลือ 15BB จังหวะนี้ควรจะ ออลอิน ด้วยมือต่อไปนี้ แต่ก็คนที่อยู่ตำแหน่ง Blinds ด้วยว่าควรจะใช้ Range กว้างหรือแคบกว่านี้ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ มือที่ว่าก็มี
- QJ, JTs, 98s, 87s
- KQ, KJ, KT, K9
- AK, AQ, AJ, AT, A9, A8, A7, A6, A5, A4, A3, A2
- AA, KK, QQ, JJ, TT, 99, 77, 66, 55, 44, 33, 22
สำหรับ Cash Game แม้ว่าเราจะไม่ได้ ออลอิน ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ควรจะ Raise Preflop สัก 2x-3x BB แล้วดูสถานการณ์ต่อไป อย่างที่บอกไปแล้วว่า Stake Cash Game มันค่อนข้างจะ Deep และ Blind ก็ตายตัว ทำให้ไม่มีแรงกดดันจากการขยับของ Blind
3. เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นประเภท Loose
นอกจากไพ่ในมือแล้ว ประเภทผู้เล่นก็เป็นสิ่งที่ต้องประเมินอยู่เสมอ และจังหวะดี ๆ ที่เราควร ออลอิน ก็คือ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวก Loose Aggressive ขณะเดียวกันก็ควรจะทำให้น้อยลงเมื่อต้องเจอกับพวก Tight เหตุผลง่าย ๆ ก็เพราะว่าพวก Loose ของเล่นไพ่แย่ ๆ อยู่เสมอ และชอบใช้การ Bluff มากกว่า พูดง่าย ๆ คือไม่ได้มีอะไรดีอยู่ในมือ ต่างจาก Tight ที่เน้นเล่นแต่ไพ่แข็งเป็นหลัก
ดังนั้นแล้วควรจะดูอยู่เสมอว่าคู่แข่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้เล่นประเภทไหน อย่าลืมว่าโป๊กเกอร์เป็นเกมที่ใช้เวลานาน ดังนั้นหากเราถือไพ่เหนือกว่า Loose และ ออลอิน ที่ EV เป็น + ทุกครั้ง เราจะทำกำไรได้ในระยะยาว ต่อให้มีบางมือที่แพ้ให้กับ Bad beat แต่จากสถิติแล้วระยะยาวส่งผลดีต่อเราเสมอ
4. All in Post Flop
การ ออลอิน หลังจากที่ Flop ออกมาแล้วก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่เราสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องประเมิน Stack ด้วย สมมติว่ามี 10BB เราจะ All in Post Flop ก็ต่อเมื่อมี Two pair, Trips, Set, Straight หรือ Flush เท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น เราอยู่ Button แล้ว Raise Preflop ด้วย A♣, K♠ และ Flop ออก K♥, T♦ และ 9♣ คนที่เล่นก่อนหน้าก็เป็นพวก Tight ที่ Check เข้ามา พอเรา Bet เขาก็ Check Raise อีก มาดูซิว่าถ้าเจอแบบนี้ควรทำอย่างไรดี
แน่นอนว่าสิ่งที่ควรทำก็คือ Call เพราะว่า Board แบบนี้ถ้าเรา Raise All in มีโอกาสมากที่อีกฝ่ายจะตามมาด้วย Preflop ที่แข็ง เช่น KT, K9, 99, TT หรือ QJ ซึ่งมือแบบนี้ถ้าเป็นพวก Tight เขาจะสามารถ Call Raise Preflop เข้ามาได้แน่ ทำให้ Out ของพวกเขามีโอกาสพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม สรุปคือเรามีแต่เสียกับเสีย สถานการณ์แบบนี้คือเรามีโอกาสแพ้มากกว่าชนะ หรือที่เรียกว่า – EV สิ่งที่ทำได้จึงมีแค่ Call แล้วไปดู Turn อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจว่าจะเล่นด้วยอะไรดี
ดังนั้นเมื่อเล่นไปแล้วเกิดคำถามว่าควรจะ All in Preflop ดีหรือไม่ ก็ต้องดูก่อนว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เล่นเกมแบบไหน คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างไร สถานการณ์เอื้อประโยชน์ให้เราหรือไม่ จำไว้กว่าโป๊กเกอร์ไม่มีสูตรตายตัวที่จะชนะหรือแพ้ หากเราเป็นมือใหม่ก็ควรจะ All in Preflop เมื่อมีมือ AA, KK, QQ หรือ AK เท่านั้น ส่วนไพ่ที่แข็งแกร่งรองลงมาก็ต้องดูกันต่อไปว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
ขอย้ำอีกครั้งนึงว่า ทุกครั้งที่กำลังอยู่ในเกมเดิมพันไพ่โป๊กเกอร์ สติต้องมาแล้วปัญญาจะเกิด อารมณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ยิ่งถ้าถึงตอนทีต้องเล่น Pre-Flop ด้วยคุณจะต้องตัดสินใจให้ดีอย่าสักแต่ว่ามีเงินต้องเล่น มันจะมีผลกับการเล่นในรอบต่อไปด้วย ดังนั้นวันนี้จะมารบอกเทคนิคว่า เล่นโป๊กเกอร์อย่างไรดีที่ Pre-Flop